นโยบายฉบับนี้มีผลบังคับใช้กับพนักงานทุกคนรวมถึงผู้บริหารของบริษัท คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทในกลุ่มบริษัท โดยนโยบายนี้กล่าวถึงวิธีการในการใช้สื่อโซเชียลมีเดียอย่างเหมาะสมและเมื่อกล่าวถึงบริษัทในโซเชียลมีเดีย รวมถึงแนวทางการปฏิบัติในการใช้โซเชียลมีเดียส่วนตัวด้วย
โซเชียลมีเดีย คือ เนื้อหาและบทสนทนาในรูปแบบดิจิตอลซึ่งถูกสร้างและเผยแพร่ในกลุ่มผู้ใช้อุปกรณ์ออนไลน์ด้วยกันสำหรับใช้ในการติดต่อสื่อสาร โซเชียลมีเดียทำให้ทุกคนสามารถเผยแพร่ทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่ทุกคนบนโลกในทันทีไม่ว่าจะอยู่ที่ใด
ลักษณะของโซเชียลมีเดีย คือ การมีส่วนร่วมในบทสนทนาและการเชื่อมต่อในชุมชนและในพื้นที่สาธารณะ
นอกจากนี้ โซเชียลมีเดียยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาด และเพิ่มช่องทางในการติดต่อกับลูกค้าและผู้เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจอีกด้วย
ตัวอย่างของสื่อโซเชียลมีเดีย ได้แก่
3.1 แนวทางปฏิบัติ กฎหมายที่เกี่ยวข้องและข้อห้ามของพนักงาน
จรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจของ คุ้มภัยโตเกียวมารีน หลักเกณฑ์การปฏิบัติตนในการทำงาน หน้าที่ในการเก็บรักษาข้อมูลอันเป็นความลับภายใต้ข้อตกลงในสัญญาจ้างและแนวทางปฏิบัติรวมถึงกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งที่พนักงานทุกคนต้องยึดถือและจะต้องปฏิบัติตามจิตสำนึกที่ดีในการใช้โซเชียลมีเดีย
3.2 การมีจิตสำนึกที่ดี
ในการใช้โซเชียลมีเดียโพสต์ข้อความในแต่ละครั้ง ให้พนักงานลองจินตนาการว่า ข้อความที่โพสต์ลงในโซเชียลมีเดียจะส่งผลกระทบต่อบริษัทอย่างไร หากข้อความดังกล่าวปรากฏขึ้นบนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ ไม่ว่าใครก็สามารถอ่านข้อความที่ถูกโพสต์ลงบนโซเชียลมีเดียได้ และไม่ว่าพนักงานจะมีจุดประสงค์ในการโพสต์ข้อความอย่างไร สิ่งที่โพสต์ลงในโซเชียลมีเดียอาจทำให้ผู้บริโภค คู่แข่ง คู่ค้า ลูกค้าหรือพนักงานคนอื่น ๆ และ /หรือ หน่วยงานของรัฐเกิดความเข้าใจผิดได้ เนื่องจากลักษณะของโซเชียลมีเดียนั้นสามารถเผยแพร่ไปได้อย่างรวดเร็ว
พนักงานจะต้องคำนึงถึงความเสี่ยงหรือลักษณะของโซเชียลมีเดียดังต่อไปนี้ และจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งในการใช้โซเชียลมีเดีย ยอมรับและตระหนักถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ในโซเชียลมีเดีย
1) การโพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียลมีเดียนั้น อาจเป็นการโพสต์ข้อความโดยผู้ไม่ประสงค์ออกนามหรืออาจเป็นการโพสต์ข้อความฝ่ายเดียว
2) ข้อมูลที่ได้ถูกโพสต์ผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดียนั้น สามารถเผยแพร่สู่สาธารณะเป็นวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว
3) ข้อมูลที่ได้ถูกโพสต์ผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดียนั้น อาจไม่สามารถลบออกจากเครือข่ายออนไลน์ได้ทั้งหมด
3.3 ข้อห้ามในการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย
พนักงานจะต้องตระหนักว่า บริษัทไม่อนุญาตให้พนักงานโพสต์รายละเอียดหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำงานลงในโซเชียลมีเดีย หากไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้มีอำนาจ หรือปฏิบัติตามคำแนะนำจากบริษัทดังต่อไปนี้
(ก) ไม่โพสต์ข้อมูลที่เป็นความลับ เช่น
(ข) ไม่โพสต์ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานในบริษัท
(ค) หลีกเลี่ยงการแสดงความเห็นหรือมุมมองส่วนตัวที่สามารถสื่อไปในความหมายว่าเป็นความเห็นในนามของบริษัท หรือความคิดเห็นส่วนบุคคลที่แตกต่างจากประกาศอย่างเป็นทางการของบริษัท
(ง) หลีกเลี่ยงการแสดงความเห็นหรือมุมมองส่วนตัวในทางที่สามารถสื่อไปในความหมายว่าเป็นการยกย่อง ชื่นชมบริษัทจากลูกค้าทั่ว ๆ ไป
(จ) หลีกเลี่ยงการแสดงคำวิจารณ์ส่วนบุคคลต่อบริษัท ในทางที่สามารถทำให้ผู้บริโภคสูญเสียความมั่นใจต่อบริษัท
(ฉ) ไม่โพสต์โลโก้ หรือสัญลักษณ์ของบริษัทลงในสื่อโซเชียลมีเดีย
(ช) ไม่โพสต์ข้อความที่มีลักษณะเป็นการหมิ่นประมาท การเลือกปฏิบัติ มีความรุนแรง ไม่เหมาะสม ผิดศีลธรรมหรือข้อความอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน
(ซ) ไม่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น เช่น ลิขสิทธิ์หรือเครื่องหมายการค้า สิทธิในรูปถ่าย รวมถึงสิทธิส่วนบุคคลหรือสิทธิอื่น ๆ
(ฌ) พนักงานจะต้องแสดงให้เห็นว่าความคิดเห็นทั้งหมดที่โพสต์ลงในบัญชีผู้ใช้โซเชียลมีเดียส่วนตัวเป็นความคิดเห็นส่วนตัว และแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความคิดเห็นเหล่านั้นไม่ใช่ความคิดเห็นของบริษัท
3.4 การควบคุมและตรวจสอบ
ข้อความทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นข้อความที่มีลักษณะถาวร การเผยแพร่ข้อความอาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัท
พนักงานควรระมัดระวังในเรื่องความเป็นส่วนตัวและไม่ควรใช้พาสเวิร์ดเดียวกันสำหรับอีเมล์ที่ใช้ในการทำงานและบัญชีผู้ใช้โซเชียลมีเดียส่วนตัว ให้พนักงานใส่ใจในเรื่องการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในบัญชีผู้ใช้ส่วนตัวและให้ทราบอยู่เสมอว่าใครสามารถเห็นข้อความที่โพสต์ได้บ้าง โปรแกรมโซเชียลมีเดียมักจะมีการอัพเดทและเปลี่ยนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นพนักงานควรที่จะอัพเดทการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของโปรแกรมเหล่านั้นเป็นปัจจุบันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และให้ระลึกอยู่เสมอว่าบุคคลที่เป็นเพื่อนในโซเชียลมีเดียสามารถแชร์ข้อความที่โพสต์ในโซเชียลมีเดียได้ และพนักงานจะไม่สามารถควบคุมสิ่งที่เพื่อนแชร์ได้
หากพนักงานทราบว่าบริษัทเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในสถานการณ์ต่าง ๆ ควรแจ้งฝ่ายบุคคลในทันที เพื่อจะได้แก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที
บริษัทขอสงวนสิทธิในการเฝ้าระวังข้อความต่าง ๆ ที่โพสต์โดยพนักงานในบัญชีผู้ใช้โซเชียลมีเดียส่วนบุคคลทั้งภายในและภายนอกสถานที่ทำงาน
3.5 โฆษก
ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นโฆษกจะต้องมาจากฝ่ายบริหารจัดการองค์กร แต่อาจมีการแต่งตั้งบุคคลอื่นเพื่อเป็นโฆษกของบริษัทในเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในขณะนั้นก็ได้ตามความเหมาะสม การเปลี่ยนแปลงการแต่งตั้งนี้ทำได้โดยฝ่ายบริหารจัดการองค์กร หรือผู้บริหารที่เกี่ยวข้องก็ได้
เมื่อได้รับโทรศัพท์จากสื่อมวลชนหรือได้รับการติดต่อจากสื่อมวลชน กรุณาปฏิบัติด้วยความสุภาพอ่อนน้อมและเป็นมืออาชีพอย่างเช่นที่เราปฏิบัติต่อลูกค้าและคู่ค้า การทำให้สื่อเห็นภาพลักษณ์ด้านบวกของบริษัท ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งเพราะจะทำให้สื่อมีความประทับใจกับบริษัทและพนักงานของเรา
เมื่อได้รับการติดต่อจากสื่อมวลชน โปรดติดต่อฝ่ายบริหารจัดการองค์กร เพื่อให้ฝ่ายมีการเตรียมข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการตอบคำถามของสื่อมวลชนได้อย่างถูกต้องและทันเวลา
อย่าบอกสื่อมวลชนว่าพนักงานของบริษัทไม่ได้รับอนุญาตให้สัมภาษณ์ แต่ให้แจ้งสื่อมวลชนติดต่อกับฝ่ายบริหารจัดการองค์กรอย่างสุภาพ
อย่าให้สื่อบังคับว่าจะต้องให้คำตอบแก่ข้อซักถามในทันที แต่ให้บอกกับสื่อมวลชนอย่างสุภาพว่าบริษัทของเรามีฝ่ายบริหารจัดการองค์กร ซึ่งจะสามารถตอบคำถามของสื่อมวลชนได้ครบถ้วนถูกต้องมากกว่า
ก่อนที่จะแถลงข่าวต่อหน้าสาธารณชนผ่านทางโทรทัศน์ วิทยุ หรือสื่ออื่น ๆ การบรรยาย การปราศรัย การตีพิมพ์บทความหรือหนังสือในหัวข้อที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท พนักงานจะต้องได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทเสียก่อน
3.6 การมีส่วนร่วมของพนักงาน
เมื่อเข้าร่วมในหัวข้อการสนทนาที่เกี่ยวข้องกับโตเกียวมารีนกรุ๊ปในโซเชียลมีเดีย ในฐานะพนักงานของคุ้มภัยโตเกียวมารีน ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงานหรือนอกเวลางาน ให้แสดงตนให้ชัดเจนว่า ไม่ใช่ผู้ที่มีหน้าที่ให้ข่าวหรือเป็นโฆษกของบริษัท ให้เพิ่มเติมข้อความการปฏิเสธความรับผิด เช่น “ความเห็นเป็นความเห็นส่วนบุคคล” ในประวัติส่วนตัวหรือในช่อง “เกี่ยวข้องกับฉัน” (About me)
อย่าทำให้บุคคลภายนอกเข้าใจผิด หากพนักงานเลือกที่จะโพสต์หรือเข้าร่วมในบทสนทนาออนไลน์ในหัวข้อที่เกี่ยวกับโตเกียวมารีนกรุ๊ป ให้ระบุความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและบริษัทอย่างชัดเจน อย่าพยายามเข้าร่วมบทสนทนาเหล่านี้ด้วยการโกหกหรือไม่ยอมเปิดเผยตัวตน
หากมีข้อสงสัย ให้พนักงานสอบถาม เช่น หากพนักงานสงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องในการจ่ายค่าสินไหม หรือไม่มั่นใจว่าสามารถเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะได้หรือไม่ ให้ปรึกษากับหัวหน้าของตนเอง พนักงานมีหน้าที่รับผิดชอบต่อสิ่งที่เผยแพร่ออกสู่สาธารณะ แม้ว่าจะไม่ได้เผยแพร่จากบัญชีผู้ใช้ของตนเองก็ตาม
3.7 ข้อมูลที่เป็นความลับของบริษัท
ศึกษาและทำความเข้าใจนโยบายรักษาความปลอดภัยของข้อมูลของบริษัท ยกตัวอย่างเช่น ไม่โพสต์ข้อมูลการเงิน แผนการประกอบธุรกิจ หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโตเกียวมารีน หรือแผนงานที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของตนเอง
3.8 ทรัพย์สินทางปัญญา
การใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของคุ้มภัยโตเกียวมารีนให้รวมถึงการใช้ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า รูปภาพ/วีดิโอ สิทธิในการเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณะ (เช่น ชื่อและความชอบส่วนบุคคล) หรือทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างอื่น ๆ ของคุ้มภัยโตเกียวมารีน
พนักงานอาจต้องมีการทำบันทึกการของอนุญาตใช้ทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นของบุคคลภายนอก
และให้ขอคำปรึกษากับแผนกกำกับดูแลการปฏิบัติงานก่อนที่จะใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อให้มั่นใจว่าการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาสอดคล้องกับคำอนุญาตให้ใช้หรือใบอนุญาตที่บริษัท ได้มา
3.9 บัญชีผู้ใช้โซเชียลมีเดีย
ห้ามใช้ชื่อคุ้มภัยโตเกียวมารีนหรือบริษัทในเครือลงทะเบียนในบัญชีโซเชียลมีเดีย ยกเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากบริษัทเป็นการเฉพาะ
หากพนักงานต้องการลงทะเบียนเพื่อสมัครใช้โซเชียลมีเดียส่วนตัว ให้ใช้อีเมล์ส่วนตัวที่ไม่ใช่อีเมลของคุ้มภัยโตเกียวมารีน ยกเว้นแต่ว่าจะเป็นการใช้เพื่อติดต่อสื่อสารในเวปไซต์เพื่อการพัฒนาความเป็นมืออาชีพหรือเพื่อการติดต่อสื่อสาร เช่น LinkedIn ในกรณีที่พนักงานใช้อีเมลของคุ้มภัยโตเกียวมารีน สำหรับเวปไซต์เพื่อการพัฒนาความเป็นมืออาชีพ พนักงานไม่ควรใช้รหัสผ่านในบัญชีโซเชียลมีเดียชุดเดียวกันกับที่ใช้ในอีเมลหรือ Intranet ของคุ้มภัยโตเกียวมารีน รหัสผ่านสำหรับอีเมลและ Intranet ของคุ้มภัยโตเกียวมารีนควรเก็บไว้เป็นความลับเสมอ
เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลของตนเองและของพนักงานคุ้มภัยโตเกียวมารีน หากมีการดาวโหลดโปรแกรมลงในคอมพิวเตอร์พีซีหรืออุปกรณ์มือถือที่ใช้สำหรับการทำงาน ระมัดระวังอย่าให้มีการส่งผ่านรายชื่อ
ผู้ติดต่อ หรือปฏิทินไปยังเครือข่ายโซเชียลมีเดียของบุคคลที่สามหรือฐานข้อมูลของเวปไซต์ (เช่น Facebook หรือ LinkedIn และอื่น ๆ) เนื่องจากแนวทางการปฏิบัติเรื่องความเป็นส่วนตัวของบุคคลเหล่านั้นอาจจะต่างจากแนวทางปฏิบัติของบริษัท อย่าให้สิทธิเวปไซต์โซเชียลมีเดียเข้าถึงรายชื่อผู้ติดต่อที่อยู่ในฮาร์ดแวร์หรือซอฟท์แวร์ของคุ้มภัยโตเกียวมารีน (เช่น รายชื่อผู้ติดต่อที่มีอยู่ใน Lotus Notes)
3.10 การเปิดเผยข้อมูล
หากพนักงานกำลังกล่าวถึงบริษัท หรือธุรกิจของบริษัทในโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าในการทำงานหรือใช้ในทางส่วนตัว พนักงานจะต้องแสดงตนให้ชัดเจนว่าเป็นพนักงานของคุ้มภัยโตเกียวมารีนในทุก ๆ ข้อความที่โพสต์
3.11 การเผยแพร่ข้อมูลในนามบริษัท
พนักงานจะสามารถโพสต์ข้อความลงบนโซเชียลมีเดียของบริษัทหรือในนามบริษัทได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาหรือผู้รับผิดชอบในการจัดการเรื่องนี้โดยตรง และข้อความที่โพสต์จะต้องเกี่ยวข้องกับการทำงานเท่านั้น อย่าโพสต์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มโตเกียวมารีน หรือแบรนด์ของโตเกียวมารีนที่จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่าเป็นข้อความที่เป็นทางการจากโตเกียวมารีน (เช่น ถ้าข้อความที่ถูกโพสต์ดูเหมือนข้อความการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการจากโตเกียวมารีน) นอกเสียจากว่าจะได้รับการอนุญาตจากผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ
พนักงานสามารถเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ผ่านทางช่องทางโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของบริษัท แต่ไม่ควรโพสต์ข้อความที่ดูเป็นทางการขึ้นมาเอง
ในฐานะพนักงานของคุ้มภัยโตเกียวมารีน หน้าที่ที่สำคัญคือการทำงานกับบุคคลภายนอกภายใต้กรอบของการปฏิบัติตามนโยบายนี้ (ไม่ว่าจะเป็น การทำงานกับซัพพลายเออร์ ตัวแทนรวมถึงบุคคลอื่น ๆ ที่อาจมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับบริษัท เช่น เพื่อน ญาติ บุคคลในครอบครัวและบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ที่จะสามารถกล่าวถึงบริษัทหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัท)
ไม่ส่งรีวิวความเห็นของลูกค้าต่อผลิตภัณฑ์ของคุ้มภัยโตเกียวมารีนหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทคู่แข่ง การโพสต์ความเห็นหรือข้อความที่เป็นอคติต่อบริษัท (เช่น ทำให้เข้าใจว่าผลิตภัณฑ์ของเราดีและผลิตภัณฑ์ของบริษัทคู่แข่งนั้นด้อยกว่าของเรา เป็นต้น) ข้อความเหล่านั้น สามารถชี้นำให้หน่วยงานกำกับดูแลในหลาย ๆ ประเทศเข้าใจผิดในการดำเนินธุรกิจของบริษัทซึ่งอาจส่งผลให้บริษัทมีความผิดตามกฎหมายหรืออาจทำให้ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของบริษัทเสียหายได้
3.12 บทลงโทษ
พนักงานมีหน้าที่ที่ต้องทราบกฎระเบียบที่สำคัญต่าง ๆ ของบริษัทก่อนที่จะเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นในโซเชียลมีเดีย หากพนักงานทราบถึงการกระทำผิดหรือการกระทำที่ขัดต่อนโยบายนี้ ขอให้แจ้งไปยังหัวหน้างาน ผู้จัดการฝ่ายบุคคล และ ฝ่ายกำกับดูแลการปฏิบัติงานและกฎหมายทั่วไปในทันที
บริษัท อาจขอให้พนักงานทำการกล่าวขอโทษต่อสาธารณชน และ/หรือ เปลี่ยนแปลงหรือลบความเห็นซึ่งมีความขัดแย้งกับนโยบายนี้ หรือมีการอ้างอิงจากบริษัท หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่ถูกโพสต์ลงบนโซเชียลมีเดีย
การกระทำใด ๆ ที่ขัดต่อหรือไม่เป็นไปตามนโยบายนี้อาจส่งผลให้มีโทษทางวินัยและอาจร้ายแรงถึงขั้นไล่ออกจากงาน
พนักงานควรโต้ตอบต่อความเห็นที่รุนแรงด้วยความสงบ เยือกเย็น และให้แจ้งข้อมูลที่ถูกต้องหากพบว่าเห็นมีข้อมูลใดที่ผิดอยู่
Choose your country or region
Visit HQ Pages
Visit Country Pages
Select your location and language
All
All
Asia Pacific
Australia
Americas
Europe
Singapore
Malaysia
Australia
You are currently on a site outside of your country Switch to external site?
Visit your local page. If you change your mind, you can use the dropdown at the top navigation to visit other Tokio Marine country pages.
ขณะนี้คุณอยู่ในเว็บไซต์นอกประเทศของคุณ เปลี่ยนไปใช้เว็บไซต์ประเทศของคุณไหม?
เยี่ยมชมเว็บไซต์ในประเทศของคุณ หากคุณเปลี่ยนใจ คุณสามารถเลือกเมนูด้านล่าง เพื่อไปที่หน้าประเทศอื่นๆ ของโตเกียวมารีน