กลุ่มที่ 2 ค่าใช้จ่ายในการซื้อประกัน กองทุน และการลงทุน
หมวดประกัน
1. ประกันสังคม
- หักลดหย่อนตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 9,000 บาท
2. เบี้ยประกันชีวิต และประกันแบบสะสมทรัพย์
- ที่มีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป หักลดหย่อนตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
3. เบี้ยประกันสุขภาพ และเบี้ยประกันอุบัติเหตุที่คุ้มครองสุขภาพ
- หักลดหย่อนตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท และหากรวมกับค่าเบี้ยประกันชีวิต จะต้องไม่เกิน 100,0000 บาท
4. เบี้ยประกันสุขภาพของบิดามารดาของตนและบิดามารดาของคู่สมรส
- หักลดหย่อนตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท โดยบิดามารดาของแต่ละคนมีเงินได้พึงประเมินไม่เกิน 30,000 บาทในปีภาษีที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้
5. เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ
- ที่มีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป หักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง ในอัตรา 15% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
หมวดกองทุน การออม และการลงทุน
1. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF : Retirement Mutual Fund)
- หักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี และสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
2. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
- ส่วนที่ 1 หักลดหย่อนตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งนำไปหักลดหย่อนออกจากเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว และ
- ส่วนที่ 2 หักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15% ของค่าจ้าง เฉพาะส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 490,000 บาท
3. กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน
- หักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี และสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
4. กองทุนบำเหน็จบำนาญราชการ (กบข.)
- หักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี และสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้มีเงินได้จ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยง กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน เงินได้ที่ได้รับยกเว้นข้างต้นเมื่อรวมกับเงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกองทุนสงเคราะห์ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
5. กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)
- หักลดหย่อนตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท
6. กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG)
- หักลดหย่อนตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30% ของ เงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 300,000 บาท (อัปเดต 2 มกราคม 2568)
7. กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX)
- ตามประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 11 มีนาคม 2568 ได้มีมติเห็นชอบการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนสนหุ้นกลุ่มความยั่งยืนและมีมติอนุมัติจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) โดยสามารถหักลดหย่อยภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ดังนี้
1. หักลดหย่อนตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30% ของ เงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 300,000 บาท โดยจะต้องซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ภายในระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568
2. หากบุคคลธรรมดาที่ถือหน่วยลงทุนในกองทุน LTF ได้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนดังกล่าวเป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX จะสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจริงไม่เกิน 500,000 บาท โดยในปีภาษี 2568 สามารถหักลดหย่อนได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท และในปี 2569 – 2572 สามารถหักลดหย่อนได้ตามจริงปีละไม่เกิน 50,000 บาท
8. เงินลงทุนธุรกิจ Social Enterprise (วิสาหกิจเพื่อสังคม)
- หักลดหย่อนตามที่จ่ายจริง แต่สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท