-----------------------------
สิทธิการรักษาพยาบาลวงเงินเท่าไหร่: ไม่จำกัดวงเงิน แต่ต้องเป็นไปตามระเบียบและประเภทการรักษาที่กำหนดไว้
เงื่อนไขการใช้สิทธิ: ต้องเป็นผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบครบตามเกณฑ์ที่กำหนด และแสดงบัตรประกันสังคมหรือบัตรประชาชนผู้มีสิทธิในประกันสังคมเมื่อรับบริการ
ความคุ้มครอง : คุ้มครองทั้งกรณีผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD)
คุ้มครองอุบัติเหตุ : คุ้มครองการรักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายหรืออุบัติเหตุ
สถานที่ใช้สิทธิ: โรงพยาบาลรัฐ เอกชน หรือคลินิกที่ผู้ประกันตนเลือกไว้
ผู้ที่สามารถใช้สิทธินี้ได้ ต้องเป็นลูกจ้างที่มีอายุตั้งแต่ 15 - 60 ปีบริบูรณ์ ซึ่งมีนายจ้างที่ขึ้นทะเบียนกับกองทุนประกันสังคม โดยนายจ้างและลูกจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในสัดส่วนที่กำหนด ซึ่งกรณีเจ็บป่วยทั่วไป นายจ้างและลูกจ้างแต่ละฝ่ายจะต้องจ่ายเงินสมทบฝ่ายละ 1.5% ของค่าจ้าง ส่วนกรณีทุพพลภาพ จ่ายฝ่ายละ 1%
เมื่อเจ็บป่วย ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน การคลอดบุตร ทันตกรรม กายภาพบำบัด รวมถึงกรณีประสบอันตรายหรืออุบัติเหตุด้วย โดยสามารถเข้ารับบริการได้ที่โรงพยาบาลรัฐ เอกชน หรือคลินิกที่ตนเองได้เลือกไว้
สำหรับผู้ประกันตนที่สิ้นสุดความเป็นลูกจ้างแล้ว ไม่ว่าจะถูกเลิกจ้าง ลาออก หรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง ก็ยังสามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจต่อได้ ภายใต้สิทธิประกันสังคมมาตรา 39 และมาตรา 40 ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองต่อเนื่องไปอีก 6 เดือน เหมือนตอนที่ยังเป็นลูกจ้าง
สิทธิการรักษาพยาบาลวงเงินเท่าไหร่: ไม่จำกัดวงเงิน แต่รับบริการตามชุดสิทธิประโยชน์ที่กำหนดไว้
เงื่อนไขการใช้สิทธิ: ต้องเป็นคนไทยที่มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และไม่มีสิทธิการรักษาพยาบาลอื่นๆ
ความคุ้มครอง : ครอบคลุมทั้งการเข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD)
คุ้มครองอุบัติเหตุ : ครอบคลุมการรักษาพยาบาลกรณีได้รับอุบัติเหตุ
สถานที่ใช้สิทธิ: โรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนที่เข้าร่วมโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และเลือกลงทะเบียนแจ้งไว้
สิทธิการรักษาพยาบาลภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือที่เรียกว่าสิทธิบัตรทอง เป็นการประกันสุขภาพภาคบังคับที่รัฐจัดให้แก่คนไทยทุกคนที่มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ที่ไม่ได้รับความคุ้มครองสิทธิการรักษาพยาบาลจากระบบอื่นๆ เช่น สิทธิประกันสังคม หรือสิทธิข้าราชการ ซึ่งผู้ที่ใช้สิทธิบัตรทองไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกัน เพียงแค่นำบัตรประชาชนไปลงทะเบียนกับโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนที่อยู่ในโครงการ และใช้สิทธิบัตรทองเหมือนมีประกันสุขภาพฟรีจากรัฐ
ความคุ้มครองของสิทธิบัตรทองครอบคลุมการเจ็บป่วยแบบผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน การดูแลสุขภาพแม่และเด็ก ค่ายารักษาโรค ค่าเอ็กซเรย์ ค่าผ่าตัด ไปจนถึงการฟื้นฟูสุขภาพ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่บริการทั้งหมดต้องอยู่ในรายการชุดสิทธิประโยชน์ที่กำหนดไว้เท่านั้น ผู้ใช้สิทธิต้องแสดงบัตรประชาชนหรือบัตรทองทุกครั้งที่เข้ารับบริการที่หน่วยบริการที่ตนเองลงทะเบียนไว้ โดยสามารถเปลี่ยนหน่วยบริการได้ปีละ 4 ครั้ง
กรณีเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอื่นที่ไม่ได้เลือกไว้ได้ โดยไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล แต่หากอาการคงที่แล้ว อาจถูกส่งตัวกลับไปยังโรงพยาบาลที่ลงทะเบียนไว้เพื่อรักษาต่อ ถึงแม้สิทธิบัตรทองจะไม่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลบางประเภท เช่น การจัดฟัน ศัลยกรรมความงาม แต่โดยภาพรวม ก็นับเป็นการประกันสุขภาพพื้นฐานที่ทำให้คนไทยทุกคนที่ไม่มีสิทธิอื่น สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างทั่วถึง
สิทธิการรักษาพยาบาลวงเงินเท่าไหร่: ไม่จำกัดวงเงิน แต่ต้องอยู่ภายใต้ระเบียบและข้อบังคับที่ทางราชการกำหนด
เงื่อนไขการใช้สิทธิ: ต้องเป็นข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ผู้รับเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ หรือบุคคลในครอบครัวที่มีสิทธิ
ความคุ้มครอง : คุ้มครองทั้งผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD)
คุ้มครองอุบัติเหตุ : คุ้มครองการเจ็บป่วยจากอุบัติเหตุ
สถานที่ใช้สิทธิ: สถานพยาบาลของรัฐเป็นหลัก กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สามารถใช้สถานพยาบาลเอกชนได้ โดยเบิกค่ารักษาภายหลัง
สวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ เป็นอีกหนึ่งสิทธิการรักษาพยาบาลที่ค่อนข้างพิเศษ เพราะคุ้มครองกลุ่มบุคคลที่จำกัด ได้แก่ ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ผู้รับเบี้ยหวัด (เงินตอบแทนความชอบที่รับราชการมา) บำเหน็จ บำนาญ รวมถึงบุคคลในครอบครัว เช่น บิดามารดา คู่สมรส และบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายด้วย โดยผู้มีสิทธิไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกัน เพียงแสดงบัตรประจำตัวข้าราชการหรือบัตรสิทธิรักษาพยาบาลเมื่อเข้ารับการรักษา
สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการครอบคลุมการรักษาทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งการเจ็บป่วยทั่วไปและอุบัติเหตุ แต่ต้องเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลของรัฐเป็นหลัก กรณีฉุกเฉินหรือมีความจำเป็น สามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลเอกชนได้ โดยสำรองจ่ายไปก่อน แล้วนำใบเสร็จมาเบิกค่ารักษาในภายหลังตามอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด ซึ่งปัจจุบันเบิกได้ในวงเงินไม่เกิน 3,000 - 10,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของการรักษา
ถึงแม้จะดูเหมือนว่าสิทธิข้าราชการจะคุ้มครองแทบทุกการรักษา แต่ในความเป็นจริง ก็มีเงื่อนไขตามระเบียบกระทรวงการคลังที่กำหนดประเภทและขอบเขตในการรักษาพยาบาลที่สามารถเบิกได้ค่อนข้างละเอียด รวมถึงมียาหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์บางรายการที่มีการจำกัดวงเงิน เช่น อวัยวะเทียมและอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรค หรือค่าอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ในการรักษาพยาบาลบางอย่าง ก็มีการกำหนดเพดานวงเงินในการเบิกจ่ายไว้
สิทธิการรักษาพยาบาลวงเงินเท่าไหร่: เช่นเดียวกับสิทธิประกันสังคมปกติ คือ ไม่จำกัดวงเงิน แต่ต้องอยู่ภายใต้ระเบียบและเงื่อนไขที่กำหนด
เงื่อนไขการใช้สิทธิ: ต้องเป็นผู้ประกันตนที่ถูกเลิกจ้าง ลาออก หรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง และได้รับความคุ้มครองต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือนนับจากวันที่ว่างงาน
ความคุ้มครอง : คุ้มครองทั้งการรักษาผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD)
คุ้มครองอุบัติเหตุ : ครอบคลุมการรักษาพยาบาลกรณีประสบอุบัติเหตุ
สถานที่ใช้สิทธิ: เหมือนกับตอนที่ยังเป็นผู้ประกันตน คือ สามารถใช้สิทธิรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลที่ระบุไว้ในบัตรประกันสังคม
สิทธินี้เป็นการขยายความคุ้มครองของสิทธิประกันสังคมให้แก่ผู้ประกันตนที่ต้องว่างงานกะทันหัน ไม่ว่าจะเป็นการถูกเลิกจ้าง ลาออก หรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง ซึ่งจะได้รับการคุ้มครองเหมือนเดิมอีก 6 เดือน นับจากวันที่ต้องออกจากงาน ทั้งนี้ต้องเป็นผู้ที่จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน และยังมีเงื่อนไขอื่นๆ อีก เช่น ต้องไปรายงานตัวกับสำนักจัดหางานของรัฐภายใน 30 วัน และต้องมีใบรับรองการว่างงานด้วย
เมื่อผู้ประกันตนว่างงาน ก็ยังคงสามารถใช้สิทธิเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ที่สถานพยาบาลที่ระบุไว้ในบัตรประกันสังคม ทั้งกรณีผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน หรือประสบอุบัติเหตุ โดยใช้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเดียวกันกับระหว่างที่ยังเป็นลูกจ้าง ซึ่งถือเป็นการช่วยบรรเทาความกังวลของผู้ประกันตนว่างงานได้เป็นอย่างดี
จะเห็นได้ว่า สิทธิการรักษาพยาบาลของคนไทยมีความหลากหลาย ทั้งสิทธิประกันสังคม สิทธิข้าราชการ สิทธิบัตรทอง สิทธิประกันสังคมกรณีว่างงาน และสิทธิ UC แต่ในความเป็นจริง แต่ละสิทธิก็มีเงื่อนไขและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป บางสิทธิอาจจะมีเงื่อนไขที่ไม่คุ้มครองบางกรณี หรือบางสิทธิก็ใช้ได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น หรือแม้แต่สถานที่การใช้สิทธิส่วนมากถูกจำกัดไว้ที่สถานที่ใดสถานที่หนึ่งเท่านั้น
ดังนั้น การพิจารณาซื้อประกันสุขภาพ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยนอก ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยใน หรือประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคุ้มครองให้ครอบคลุมในสิ่งที่สิทธิประกันสุขภาพพื้นฐานไม่ได้คุ้มครอง หรือคุ้มครองไม่เพียงพอ
โดยเฉพาะประกันสุขภาพเหมาจ่าย ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจากให้ความคุ้มครองหลายโรค เบี้ยประกันไม่สูงมากนัก และเมื่อเกิดการเจ็บป่วย ทางบริษัทประกันจะจ่ายเงินชดเชยแบบเหมาจ่ายให้แก่ผู้เอาประกันตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ทำให้ไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อน
การมีประกันสุขภาพควบคู่ไปกับการใช้สิทธิการรักษาพยาบาลตามที่กล่าวมาข้างต้น จะทำให้เรามีทางเลือกในการเข้ารับการรักษามากยิ่งขึ้น สามารถเลือกใช้สิทธิประกันสุขภาพหรือสิทธิการรักษาประจำตัวตามความเหมาะสม ซึ่งถือเป็นการเพิ่มหลักประกันให้แก่ตัวเองและคนในครอบครัว รวมถึงยังช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลบางส่วนที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดได้ในอนาคตอีกด้วย
การเลือกสิทธิรักษาพยาบาลและประกันสุขภาพให้เหมาะกับตนเอง จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสุขภาพที่ดีเปรียบเสมือนสมบัติอันล้ำค่าที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้ และการมีหลักประกันสุขภาพที่ดี ก็เป็นเหมือนการลงทุนเพื่ออนาคตทางสุขภาพของเราและคนที่เรารักนั่นเอง
References:
สำนักงานประกันสังคม. (2564). ประกันสังคม. สืบค้นเมื่อ 10 พฤษภาคม 2566, จาก https://www.sso.go.th/wpr/main/privilege/privilegedetail/_id/2347/cid/1
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. (2564). สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. สืบค้นเมื่อ 10 พฤษภาคม 2566, จาก https://www.nhso.go.th/FrontEnd/page-contentdetail.aspx?CatID=MTA4MQ==
กรมบัญชีกลาง. (2564). สวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ. สืบค้นเมื่อ 10 พฤษภาคม 2566, จาก https://www.cgd.go.th/cs/internet/internet/%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5.html?page=b88f8bfd-b748-4c67-9168-68c66e3d2b0f&menu=menu6018bda0-ebb7-4d9b-a910-2a49a6c0a207&backto=19&s=1
สำนักงานประกันสังคม. (2564). กรณีว่างงาน. สืบค้นเมื่อ 10 พฤษภาคม 2566, จาก https://www.sso.go.th/wpr/main/privilege/privilegedetail/_id/2348/cid/1
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. (2564). สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า. สืบค้นเมื่อ 10 พฤษภาคม 2566, จาก https://www.nhso.go.th/FrontEnd/page-contentdetail.aspx?CatID=MTA4Nw==
วิริยะประกันภัย. (2565). ประกันสุขภาพเหมาจ่าย คืออะไร คุ้มครองอะไรบ้าง. สืบค้นเมื่อ 10 พฤษภาคม 2566, จาก https://www.viriyah.co.th/th/insurance/health-insurance/lump-sum-health-insurance/
ผู้เขียนบทความนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันชีวิตและประกันชีวิตบำนาญ ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ทั้งด้านประกันชีวิตและประกันสุขภาพสำหรับรายบุคคลและรายกลุ่ม เราได้ให้ทั้งคำปรึกษาและออกแบบแผนประกันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าหลากหลายกลุ่ม เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ลูกค้าของเราอยู่เสมอ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญนี้ ทำให้ลูกค้าโตเกียวมารีนประกันชีวิตมั่นใจได้ว่า จะได้รับความคุ้มครองที่ตอบโจทย์กับความคุ้มครองของคุณมากที่สุด ทำให้ผู้อ่านมั่นใจได้ว่าเนื้อหาทุกบทความจะเป็นข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของท่าน
ดูแผนประกันทั้งหมดของเราChoose your country or region
Visit HQ Pages
Visit Country Pages
Select your location and language
All
All
Asia Pacific
Australia
Americas
Europe
Singapore
Malaysia
Australia
You are currently on a site outside of your country Switch to external site?
Visit your local page. If you change your mind, you can use the dropdown at the top navigation to visit other Tokio Marine country pages.
ขณะนี้คุณอยู่ในเว็บไซต์นอกประเทศของคุณ เปลี่ยนไปใช้เว็บไซต์ประเทศของคุณไหม?
เยี่ยมชมเว็บไซต์ในประเทศของคุณ หากคุณเปลี่ยนใจ คุณสามารถเลือกเมนูด้านล่าง เพื่อไปที่หน้าประเทศอื่นๆ ของโตเกียวมารีน