การรักษามะเร็งในปัจจุบัน มีวิธีใดบ้างแล้ว

การรักษามะเร็งในปี 2024

1.การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)

การรักษานี้ใช้สารชีวภาพและโมโนโคลนอลแอนติบอดีเพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยในการทำลายเซลล์มะเร็ง โรคมะเร็งที่นิยมใช้การรักษานี้ได้แก่ มะเร็งปอด มะเร็งผิวหนัง (เช่น เมลาโนมา) และมะเร็งไต การรักษานี้จะช่วยเพิ่มความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับมะเร็ง ลดการกลับมาเป็นซ้ำของโรค และมีผลข้างเคียงที่น้อยกว่าการรักษาแบบเคมีบำบัด

2.การรักษาด้วยยามุ่งเป้าหมาย (Targeted Therapy)

ยามุ่งเป้าหมายใช้สำหรับโจมตีเซลล์มะเร็งที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น การรักษามะเร็งเต้านมที่มีโปรตีน HER2, มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งปอดที่มีการกลายพันธุ์ของ EGFR เป็นการรักษาที่เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาโดยตรงต่อเซลล์มะเร็ง ลดการทำลายเซลล์ปกติ และลดผลข้างเคียงที่รุนแรง

3.การรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell Therapy)

ใช้ในการฟื้นฟูระบบเลือดและภูมิคุ้มกันหลังการทำเคมีบำบัด โรคมะเร็งที่นิยมใช้การรักษานี้ได้แก่ มะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลูคีเมีย) และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งการรักษาแบบนี้จะช่วยฟื้นฟูระบบเลือดและภูมิคุ้มกัน ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสหายขาดสูงขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

4.การตรวจหามะเร็งระยะแรกด้วยเทคโนโลยี (Liquid Biopsy)

เทคโนโลยีนี้ใช้ตัวอย่างเลือดในการตรวจหามะเร็งในระยะแรก มะเร็งที่นิยมใช้การตรวจนี้ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทำให้สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที และลดความจำเป็นในการใช้วิธีการตรวจที่ซับซ้อนและเจ็บปวด

5.การผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ (Robotic Surgery)

การผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์เพิ่มความแม่นยำและปลอดภัยในการผ่าตัด ลดการบาดเจ็บและเวลาพักฟื้นของผู้ป่วย มะเร็งที่นิยมใช้การผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ได้แก่ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเต้านม วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการผ่าตัด ลดการสูญเสียเลือด และผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น

6.การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวินิจฉัยและรักษา

AI ถูกใช้ในการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางการแพทย์และข้อมูลผู้ป่วย เพื่อช่วยในการวินิจฉัยมะเร็งและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล โรคมะเร็งที่นิยมใช้ AI ในการวินิจฉัยได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด และมะเร็งต่อมลูกหมาก วิธีนี้จะเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย ลดเวลาที่ใช้ในการวินิจฉัย และช่วยในการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย