ประกันสุขภาพ กับ 5 ข้อเปรียบเทียบที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ

เหตุผลที่ต้องทำประกันสุขภาพ

ประกัน ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบริหารความเสี่ยงด้านสุขภาพและการเงินควบคู่กันไปอย่างมีแบบแผน ดังนั้น เราจึงเปรียบเทียบได้ว่าประกันสุขภาพ เป็นประตูฉุกเฉินในยามที่ร่างกายต้องเจอกับสถานการณ์คับขัน และนี่คือ 3 เหตุผลสำคัญ ที่เป็นคำตอบว่าทำไมทุกคนจึงควรทำประกันสุขภาพ

ลดภาระค่าใช้จ่ายในกรณีเจ็บป่วย

แผนประกันสุขภาพมีให้เลือกหลากหลาย ครอบคลุมทั้งการรักษาแบบผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) มีวงเงินระบุไว้ชัดเจนในการเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแต่ละครั้ง จึงช่วยให้คุณหมดห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย รวมถึงมีสัญญาเพิ่มเติมค่าชดเชยรายวันให้เลือกซื้อ เพื่อลดภาระกรณีไม่สามารถทำงานได้ด้วย

เพิ่มโอกาสเข้าถึงการรักษาที่ได้คุณภาพ

เมื่อมีประกันคอยให้ความช่วยเหลือและดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย คุณก็สามารถเลือกเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่มีคุณภาพได้อย่างทันท่วงที ลดความเสี่ยงอาการป่วยรุนแรงขึ้น และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในชีวิต

ลดความเครียดระหว่างการรักษา

สุดท้าย การทำประกันสุขภาพช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด กระบวนการรักษาจึงดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ทำให้คุณสามารถโฟกัสกับการฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ และมีสมาธิกับการดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้น

ซื้อประกันสุขภาพ ต้องเปรียบเทียบปัจจัยใดบ้าง ?

จากความสำคัญของประกันสุขภาพ สะท้อนให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์นี้มีความสำคัญกับความมั่นคงในชีวิตเป็นอย่างมาก จึงต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ สำหรับผู้ที่กำลังวางแผนซื้อประกันสุขภาพ แนะนำให้เปรียบเทียบ 5 ปัจจัยสำคัญเหล่านี้

ความคุ้มครองที่ได้รับ

เลือกแผนประกันสุขภาพที่มีความคุ้มครองตรงกับความต้องการ เช่น ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก ค่าผ่าตัด หรือคุ้มครองโรคเฉพาะทาง รวมทั้งตรวจสอบให้แน่ใจว่าแผนที่เลือกครอบคลุมความเสี่ยงที่คุณอาจพบเจอ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเมื่อเคลมประกันในภายหลัง

เบี้ยประกันและเงื่อนไขในการชำระเบี้ย

เบี้ยประกันสุขภาพ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องเปรียบเทียบอย่างละเอียด เพราะเป็นภาระผูกพันระยะยาว จึงควรอยู่ในระดับที่จ่ายได้อย่างสม่ำเสมอ ตรวจสอบว่าแผนประกันแบ่งจ่ายรายเดือนได้ไหม นอกจากนี้ยังควรพิจารณาถึงเบี้ยประกันในอนาคตที่อาจปรับขึ้นตามอายุหรือเงื่อนไขอื่น ๆ ด้วย

เงื่อนไขการรับประกัน

เงื่อนไขการรับประกัน เช่น อายุที่รับประกัน ระยะเวลารอคอยในการคุ้มครอง และข้อยกเว้นของโรคหรือการรักษาบางประเภท เป็นสิ่งที่ต้องอ่านรายละเอียดให้ถี่ถ้วน เพราะอาจส่งผลต่อการเคลมประกันในอนาคตได้

เครือข่ายโรงพยาบาล

ตรวจสอบว่าประกันสุขภาพที่เลือก มีเครือข่ายโรงพยาบาลที่ครอบคลุมและใกล้บ้านหรือไม่ เพราะการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่สะดวกและมีคุณภาพดี จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลที่ดีและรวดเร็วนั่นเอง

บริการเสริมด้านอื่น ๆ

ปัจจัยในการซื้อประกันสุขภาพข้อสุดท้ายที่ต้องเปรียบเทียบ คือ บริการเสริม นอกเหนือจากค่ารักษาพยาบาล เช่น การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ การตรวจสุขภาพประจำปีฟรี หรือการคุ้มครองในกรณีฉุกเฉินในต่างประเทศ เพื่อให้การซื้อประกันของคุณเกิดความคุ้มค่าและเป็นประโยชน์สูงสุด

เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกแผนประกันได้ง่ายขึ้น นี่คือ 3 แผนประกันสุขภาพที่เรานำมาเปรียบเทียบจุดเด่นให้เห็นภาพอย่างชัดเจน 

ประกันสุขภาพ Tokio Good Health

ประกันสุขภาพเหมาจ่ายในรูปแบบสัญญาเพิ่มเติม คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั้ง OPD และ IPD ทำได้ตั้งแต่อายุ 11-70 ปี (ต่ออายุได้ถึง 84 ปี) ครอบคลุมโรคร้ายแรง 18 โรค และรับความคุ้มครอง 2 เท่าเมื่อตรวจพบโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็งระยะลุกลาม เนื้องอกในสมองชนิดที่ไม่ใช่มะเร็ง โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ

ประกันสุขภาพ Tokio Smart Health

ประกันค่ารักษาพยาบาลในรูปแบบสัญญาเพิ่มเติม เลือกแผนประกันและเบี้ยประกันได้ตามต้องการ ทำได้ตั้งแต่อายุ 11-70 ปี (ต่ออายุได้ถึง 84 ปี) หมดห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายการรักษาผู้ป่วยใน (IPD) ไม่ว่าจะเป็นค่าห้อง ค่ารักษา และค่าการผ่าตัด รวมถึงกรณีอุบัติเหตุ และฉุกเฉิน

ประกันสุขภาพรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD)

สัญญาเพิ่มเติมที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอก กรณีเจ็บป่วยแล้วไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ยิ่งต่ออายุสัญญา ความคุ้มครองต่อครั้งก็จะเพิ่มขึ้นตามช่วงอายุ เพื่อให้สอดคล้องกับค่ารักษา เลือกได้ทั้งแบบจ่ายเต็มวงเงินคุ้มครอง หรือประกันแบบ CO-Pay ที่ได้รับความคุ้มครอง 80% ของวงเงินประกัน

    หากกำลังมองหาประกันสุขภาพเหมาจ่ายและประกันค่ารักษาพยาบาลที่ตอบโจทย์ความต้องการในชีวิต เลือกประกันสุขภาพจากโตเกียวมารีนประกันชีวิต มีแผนประกันให้เลือกหลากหลาย ครอบคลุมทั้ง IPD และ OPD โดยสามารถแนบเป็นสัญญาเพิ่มเติมคู่กับแผนประกันชีวิตหลักได้ เช่น ประกันชีวิตตลอดชีพที่มีเบี้ยประกันภัยต่ำ หรือประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่ระบุระยะเวลาและผลประโยชน์ที่แน่นอน ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ศูนย์บริการลูกค้ารายบุคคล โทร. 02-650-1400 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-20.00 น.