วิธีวางแผนลดหย่อนภาษีด้วยการทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพ

ในช่วงต้นปี เราทุกคนจะต้องยื่นแบบภาษีต่อกรมสรรพากร เพื่อตรวจสอบว่าเราจ่ายภาษีครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด หรือจ่ายภาษีเกินจากความเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งทางกรมสรรพากรได้กำหนดรายการหักลดหย่อนภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาไว้ ทำให้เราสามารถวางแผนลดหย่อนภาษีประจำปีได้ หนึ่งในรายการลดหย่อนนั้นก็คือ การทำประกัน 

สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันชีวิตและประกันสุขภาพที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ การวางแผนซื้อประกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะช่วยให้เราลดหย่อนภาษีได้มากยิ่งขึ้น แต่หากยังไม่แน่ใจว่าการทำประกันสามารถลดหย่อนภาษีได้เท่าไร และประกันแบบไหนลดหย่อนได้บ้าง เราไปดูลิสต์ประกันที่สามารถลดหย่อนภาษีประจำปีกันเลย 

ประกันชีวิตแบบไหนลดหย่อนภาษีได้

ในส่วนของประกันชีวิตจะแบ่งเป็นประกันชีวิตทั่วไป และประกันชีวิตแบบบำนาญ ซึ่งจะมีเงื่อนไขการลดหย่อนภาษีที่แตกต่างกัน ซึ่งเราจะต้องบริหารการวางแผนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์สูงสุด 

เทคนิคลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิตแบบทั่วไป

หลายคนใช้วิธีการลดหย่อนภาษีด้วยการทำประกันชีวิตแบบทั่วไป ที่หากวางแผนลดหย่อนภาษีดี ๆ จะสามารถลดหย่อนได้สูงสุดถึง 100,000 บาท โดยประเภทของประกันชีวิตทั่วไปที่สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้จะมีประกันชีวิตแบบตลอดชีพ แบบชั่วระยะเวลา แบบสะสมทรัพย์ และแบบควบการลงทุน (Unit Linked) 

เงื่อนไขในการลดหย่อนภาษีที่เราต้องรู้ก่อนวางแผนลดหย่อนภาษีก็คือ ระยะเวลาคุ้มครองจะอยู่ที่ 10 ปีขึ้นไป และต้องทำกับบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทยเท่านั้น 

นอกจากประกันชีวิตของตนเองแล้ว เราสามารถนำเบี้ยประกันของคู่สมรสที่ไม่มีรายได้มาลดหย่อนได้เช่นเดียวกัน แต่ต้องไม่เกิน 10,000 บาท

วางแผนลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิตแบบบำนาญ

ประเทศไทยสนับสนุนให้ประชาชนออมเงินในรูปแบบของบำนาญ เพื่อสร้างหลักประกันในการใช้ชีวิตหลังเกษียณ จึงกำหนดให้ประชาชนวางแผนภาษีผ่านการทำประกันชีวิตแบบบำนาญ ที่การันตีรายได้หลังเกษียณ เป็นหนึ่งในเทคนิคลดหย่อนภาษีที่มีความคุ้มค่า เพราะสามารถ ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท เมื่อรวมกับสิทธิลดหย่อนเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท หากไม่ได้ใช้สิทธิ์ในประกันชีวิตแบบทั่วไป สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท โดยแบ่งเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญไปใช้สิทธิ์ในส่วนของเบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไปให้ครบ 100,000 บาท  

เงื่อนไขที่สำคัญก็คือ จะต้องมีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป และต้องทำกับบริษัทประกันในไทย รวมถึงต้องจ่ายผลประโยชน์อย่างสม่ำเสมอ 

วิธีการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมด้วยประกันสุขภาพ

ประกันสุขภาพ คือ ประกันค่ารักษาพยาบาลเมื่อเราเจ็บป่วย หรือบาดเจ็บ ซึ่งจะรวมถึงประกันสุขภาพทั่วไป ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย ประกันอุบัติเหตุ ประกันโรคร้ายแรง ประกันภัยการดูแลรักษายาว โดยสามารถนำประกันสุขภาพมาใช้ลดหย่อนได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี  และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป ต้องไม่เกิน 100,000 บาทและต้องทำกับบริษัทประกันในไทย 

นอกจากประกันสุขภาพของตนเองแล้ว ยังสามารถวางแผนภาษีด้วยการทำประกันสุขภาพให้แก่พ่อแม่ของทั้งตัวเองและคู่สมรสที่ไม่มีรายได้อีกด้วย โดยลดหย่อนได้สูงสุด 15,000 บาทต่อปี โดยที่เราหรือคู่สมรสจะต้องเป็นลูกแท้ ๆ ของพ่อแม่ ไม่ใช่ลูกบุญธรรม 

สรุปขั้นตอนวางแผนลดหย่อนภาษีด้วยประกัน

เมื่อรู้แล้วว่ามีประกันไหนบ้างที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ เรามาวางแผนลดหย่อนภาษีกันเลย โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ 

ลิสต์รายได้ทั้งปีของตนเองทั้งหมด ทั้งเงินเดือน โบนัส ผลตอบแทน รายได้อื่น ๆ ที่ได้จากการว่าจ้างทำงาน หรือขายของ 

เช็กสิทธิในการลดหย่อนภาษีของบุคคลธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นการหักค่าใช้จ่าย ค่าอุปการะเลี้ยงดูพ่อแม่ การสมทบเงินเข้ากองทุน ประกัน การออม การลงทุน ดอกเบี้ยผ่อนบ้าน ไปจนถึงเงินบริจาค 

คำนวณฐานภาษีว่าต้องจ่ายภาษีเท่าไร จากนั้นวางแผนลดหย่อนภาษีด้วยการซื้อประกันที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ตามเป้าหมายทางการเงินของเรา

สรุปลักษณะของประกันที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้

- ประกันชีวิตทั่วไป ลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท 

- ประกันบำนาญ ไม่เกิน 15% ของรายได้ และไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนบำนาญอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท 

- ประกันสุขภาพของตนเอง ลดหย่อนได้ตามจริง ไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับประกันชีวิตต้องไม่เกิน 100,000 บาท 

- ประกันสุขภาพของพ่อแม่ ไม่เกิน 15,000 บาท 

อยากวางแผนลดหย่อนภาษี สามารถทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพเพื่อลดหย่อนภาษีได้ที่โตเกียวมารีน มีหลายแผนให้เลือกตามความต้องการ คุ้มค่าแน่นอน