ผู้ที่ควรรับวัคซีนประจำปี ได้แก่
- ทุกคนที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไป
- ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคเบาหวาน โรคไต เป็นต้น
- ผู้ที่มีโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ที่ทำงานหรืออาศัยอยู่ในสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการสัมผัสโรค เช่น สถานพยาบาล สถานดูแลเด็กเล็ก เป็นต้น
วัคซีนเป็นครั้งๆคืออะไร
วัคซีนเป็นครั้งๆ คือวัคซีนที่ฉีดเพียงครั้งเดียวหรือหลายครั้ง ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีน วัคซีนบางชนิดอาจจำเป็นต้องฉีดซ้ำทุกปีเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่อง เช่น วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก และไอกรน (DPT) วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ เป็นต้น
วัคซีนเป็นครั้งๆ มีผลกี่ปีนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีน และประสิทธิภาพของวัคซีนแต่ละชนิด โดยทั่วไปแล้ว วัคซีนจะมีประสิทธิภาพอยู่ประมาณ 5-10 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีน เช่น
- วัคซีนป้องกันโรคหวัดใหญ่ มีประสิทธิภาพอยู่ประมาณ 6-12 เดือน
- วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก และไอกรน (DPT) มีประสิทธิภาพอยู่ประมาณ 10 ปี
- วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ มีประสิทธิภาพอยู่ประมาณ 10 ปี
- วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี มีประสิทธิภาพอยู่ประมาณ 20 ปี
- วัคซีนป้องกันโรคหัด คางทูม และเยอรมัน (MMR) มีประสิทธิภาพอยู่ประมาณ 20 ปี
- วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส มีประสิทธิภาพอยู่ประมาณ 20 ปี
- วัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมัน มีประสิทธิภาพอยู่ประมาณ 20 ปี
อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของวัคซีนอาจลดลงได้หากร่างกายได้รับวัคซีนในช่วงอายุที่น้อยเกินไป หรือหากร่างกายมีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นต้น
วัคซีนประจำปี คืออะไร
วัคซีนประจำปี คือวัคซีนที่จำเป็นต้องฉีดซ้ำทุกปี เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เช่น วัคซีนป้องกันโรคหวัดใหญ่ จำเป็นต้องฉีดซ้ำทุกปี เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในแต่ละปี องค์การอนามัยโลก (WHO) จะทำการคาดการณ์สายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่คาดว่าจะระบาดในปีนั้นๆ และนำข้อมูลดังกล่าวมาผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมากที่สุด
ควรฉีดวัคซีนครั้งแรกเมื่อไหร่
วัคซีนแต่ละชนิดมีกำหนดการฉีดครั้งแรกแตกต่างกัน ดังนี้
- วัคซีนป้องกันโรคหวัดใหญ่ ควรฉีดครั้งแรกเมื่ออายุ 6 เดือนขึ้นไป
- วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก และไอกรน (DPT) ควรฉีดครั้งแรกเมื่ออายุ 2 เดือน
- วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ ควรฉีดครั้งแรกเมื่ออายุ 2 เดือน
- วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี ควรฉีดครั้งแรกเมื่ออายุแรกเกิด
- วัคซีนป้องกันโรคหัด คางทูม และเยอรมัน (MMR) ควรฉีดครั้งแรกเมื่ออายุ 9-12 เดือน
- วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส ควรฉีดครั้งแรกเมื่ออายุ 12 เดือนขึ้นไป
วัคซีนกระตุ้นเมื่ออายุเท่าไหร่
- วัคซีนแต่ละชนิดมีกำหนดการกระตุ้นแตกต่างกัน ดังนี้
- วัคซีนป้องกันโรคหวัดใหญ่ ควรฉีดกระตุ้นทุกปี
- วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก และไอกรน (DPT) ควรฉีดกระตุ้นครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 4 เดือน และครั้งที่ 3 เมื่ออายุ 6 เดือน
- วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ ควรฉีดกระตุ้นครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 4 เดือน และครั้งที่ 3 เมื่ออายุ 6 เดือน
- วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี ควรฉีดกระตุ้นครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 6 เดือน และครั้งที่ 3 เมื่ออายุ 1 ปี
- วัคซีนป้องกันโรคหัด คางทูม และเยอรมัน (MMR) ควรฉีดกระตุ้นครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 15-18 ปี
- วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส ควรฉีดกระตุ้นเมื่ออายุ 12 ปีขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม ตารางการให้วัคซีนอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงในการสัมผัสโรค ประวัติการแพ้วัคซีน และโรคประจำตัวที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการฉีดวัคซีน ผู้ที่สนใจรับวัคซีน ควรปรึกษาแพทย์หรือพยาบาลเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม
วัคซีนป้องกันมะเร็ง
ในปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันมะเร็งที่ได้รับการพัฒนาและผ่านการทดลองทางคลินิกแล้วหลายชนิด วัคซีนเหล่านี้จะมุ่งเป้าไปที่เซลล์มะเร็งหรือสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเติบโตของเซลล์มะเร็ง วัคซีนป้องกันมะเร็งบางชนิดที่ได้รับการพัฒนาแล้ว ได้แก่
- วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก วัคซีนนี้ป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งปากมดลูก วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกมี 2 ชนิด ได้แก่ วัคซีน HPV 2 สายพันธุ์ และวัคซีน HPV 4 สายพันธุ์
- วัคซีนป้องกันมะเร็งตับ วัคซีนนี้ป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งตับ วัคซีนป้องกันมะเร็งตับได้รับการพัฒนาแล้วและได้รับการอนุมัติให้ใช้ในประเทศหลายแห่ง
- วัคซีนป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหาร วัคซีนนี้ป้องกันการติดเชื้อไวรัส Helicobacter pylori ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งกระเพาะอาหาร วัคซีนป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหารได้รับการพัฒนาแล้วและได้รับการอนุมัติให้ใช้ในประเทศบางแห่ง
- วัคซีนป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ วัคซีนนี้ป้องกันการติดเชื้อไวรัส Epstein-Barr ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งลำไส้ใหญ่ - วัคซีนป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้รับการพัฒนาแล้วและอยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิก
- วัคซีนป้องกันมะเร็งเต้านม วัคซีนนี้ป้องกันการติดเชื้อไวรัส Epstein-Barr ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งเต้านม วัคซีนป้องกันมะเร็งเต้านมได้รับการพัฒนาแล้วและอยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิก
นอกจากนี้ ยังมีวัคซีนป้องกันมะเร็งอื่นๆ อีกหลายชนิดที่กำลังอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนา เช่น วัคซีนป้องกันมะเร็งผิวหนัง วัคซีนป้องกันมะเร็งปอด วัคซีนป้องกันมะเร็งรังไข่ เป็นต้น
วัคซีนป้องกันมะเร็งมีแนวโน้มที่จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งได้ดีกว่าการรักษามะเร็งในระยะลุกลาม อย่างไรก็ตาม วัคซีนป้องกันมะเร็งก็ยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น วัคซีนบางชนิดอาจไม่สามารถป้องกันมะเร็งได้ 100% วัคซีนบางชนิดอาจมีผลข้างเคียง และวัคซีนบางชนิดอาจไม่เหมาะกับทุกคน
จากรายชื่อวัคซีนที่แนะนำ อยากให้ทุกๆคนฉีดกันอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น วัคซีนเป็นครั้งๆ หรือวัคซีนประจำปี ให้เป็นประจำ นอกจากจะเป็นการป้องการการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ ที่ว่ากล่าวมาข้างต้นแล้ว และลดความรุนแรงของอาการ หากเราติดเชื้อโรค หรือเป็นโรคนั้นๆ เหมือนวัคซีน โควิด-19 นั้นเอง
แต่สุดท้ายนี้เป้าหมายของการฉีดวัคซีนประเภทต่างๆนั้น คือลดอัตราการเสียชีวิตของโรคนั้นๆ
การฉีดวัคซีนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน เด็กและผู้ใหญ่ทุกคนควรได้รับการฉีดวัคซีนตามกำหนด เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรงและห่างไกลจากโรคต่างๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือผู้ที่ทำงานหรืออาศัยอยู่ในสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการสัมผัสโรค
แต่ถ้าหากใครไม่มั่นใจในเรื่องการฉีดวัคซีนนั้น สามารถปรึกษาแพทย์ เพื่อรับรู้ความเสี่ยงและผลข้างเคียง และทำการฉีดวัคซีนโดยพยาบาลและแพทย์ที่มีใบอนุญาตเท่านั้น
และพิเศษมากกว่านั้น สำหรับลูกค้าประกันสุขภาพเหมาจ่าย โตเกียว กู๊ด เฮลธ์ สามารถใช้สิทธิวงเงิน OPD ในแผนประกันข้างต้นนำมาตรวจสุขภาพหรือฉีดวัคซีนได้ โดยสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนและทำเรื่องสิทธิ์รักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกได้ตามปกติ