ขอวีซ่าเชงเก้น ด้วยตัวเอง ฉบับมนุษย์เงินเดือน

(Schengen Visa) วีซ่าเชงเก้นคืออะไร

วีซ่าเชงเก้น คือ วีซ่าที่ใช้ในการเดินทางเข้า - ออกประเทศที่อยู่ในเขตเชงเก้น จำนวน 29 ประเทศ โดยต้องยื่นขอวีซ่าจากประเทศที่เป็นจุดหมายหลักประเทศเดียว

รายชื่อประเทศในเขตเชงเก้น ปี 2025

ประกอบด้วย 29 ประเทศในยุโรปทั้งที่เป็นสมาชิกในสหภาพยุโรป (EU) และไม่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ดังนี้

ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU)

กรีซ (Greece)
โครเอเชีย (Croatia)
เดนมาร์ก (Denmark)
เนเธอร์แลนด์ (Netherlands)
บัลแกเรีย (Bulgaria) เฉพาะทางอากาศ และทางน้ำ สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ
เบลเยี่ยม (Belgium)
โปรตุเกส (Portugal)
โปแลนด์ (Poland)
ฝรั่งเศส (France)
ฟินแลนด์ (Finland)
มอลตา (Malta)
เยอรมนี (Germany)
โรมาเนีย (Romania) เฉพาะทางอากาศ และทางน้ำ สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ

ลัตเวีย (Latvia)
ลักเซมเบิร์ก (Luxembourg)
ลิทัวเนีย (Lithuania)
สเปน (Spain)
สโลวาเกีย (Slovakia)
สโลวีเนีย (Slovenia)
สวีเดน (Sweden)
สาธารณรัฐเชก (Czechia)
ออสเตรีย (Austria)
อิตาลี (Italy)
เอสโทเนีย (Estonia)
ฮังการี (Hungary)

กลุ่มประเทศไม่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU)

นอร์เวย์ (Norway) *ยกเว้นหมู่เกาะสวาลบาร์ด (Svalbard)
ลิกเตนสไตน์ (Liechtenstein)
สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland)
ไอซ์แลนด์ (Iceland)

สำหรับเพื่อนนักเดินทางท่านไหนที่ต้องการไปเที่ยวยุโรป แล้วยังกังวลเรื่องการขอวีซ่าเชงเก้นอยู่หละก็ คุ้มภัยโตเกียวมารีนจะมาบอกเคล็ดลับการเตรียมเอกสารแบบแน่นๆ พร้อมวิธีการจองคิวออนไลน์ ที่ทำได้ด้วยตัวเองทุกขั้นตอน แบบไม่ต้องพึ่งเอเจ้นท์ ประหยัดเงินไปได้อีก ถ้าใครมีทริปในใจอยู่แล้วหละก็ แนะนำเตรียมตัวจองคิวยื่นเอกสารไว้เลย ยิ่งมีเวลามากก็ยิ่งดี เพราะวีซ่าเชงเก้น ควรวางแผนเตรียมเอกสารล่วงหน้าอย่างน้อย 60 วัน เป็นขั้นต่ำและสามารถยื่นคำร้องล่วงหน้าได้สูงสุด 6 เดือนก่อนการเดินทาง

ประเภทของวีซ่าเชงเก้น

แบ่งตามวัตถุประสงค์ของการเดินทาง ดังนี้

วีซ่าท่องเที่ยว (Schengen Tourist Visa)
วีซ่าธุรกิจ (Schengen Business Visa)
วีซ่าเยี่ยมเยือน (Schengen Visitor Visa)
วีซ่าเพื่อการศึกษา/ฝึกงาน (Schengen Study or Training Visa)

วีซ่าเชงเก้นมีหลายประเภท แต่บทความนี้เราจะพูดถึงวีซ่าสุดฮิตของมนุษย์เงินเดือนคือ วีซ่าท่องเที่ยว (Schengen Tourist Visa) หรือวีซ่าเชงเก้นประเภท C นั่นเอง โดยวีซ่าประเภทนี้จะเป็นการอนุญาติเข้าประเทศในเขตเชงเก้น โดยให้พำนักระยะสั้นสูงสุดไม่เกิน 90 วัน ภายในระยะเวลาไม่เกิน 180 วันก่อนการเดินทาง โดยแบ่งตามการเข้าได้ 3 แบบ Single Entry (เข้าเขตเชงเก้นได้ครั้งเดียว) Double Entry (เข้าเขตเชงเก้นได้ 2 ครั้ง) หรือ Multiple Entry (เข้าเขตเชงเก้นได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งตามอายุของวีซ่า)

หากเดินทางหลายประเทศ ต้องขอวีซ่าเชงเก้นที่ประเทศใด

หากแผนการเดินทางของคุณต้องการไปหลายประเทศในกลุ่มเชงเก้น ให้ขอวีซ่าประเทศที่คุณไปพักอยู่นานที่สุด กรณีคุณพักอยู่แต่ละประเทศจำนวนวันเท่าๆ กัน ให้ขอวีซ่าที่ประเทศแรกที่คุณเข้าเขตเชงเก้น

ขั้นตอนการขอวีซ่าเชงเก้น

1.เลือกประเทศที่จะยื่นวีซ่า

2.ดาวน์โหลดแบบฟอร์มของประเทศนั้นๆ หรือกรอกแบบฟอร์มผ่านออนไลน์

3.จองคิวยื่นเอกสาร จุดนี้ต้องเช็คให้ดี เนื่องจากแต่ละประเทศมีสถานที่ยื่นขอวีซ่าต่างกัน โดยบางประเทศจะต้องยื่นผ่านศูนย์ยื่นวีซ่าอย่าง VFS, BLS และ TLS ส่วนบางประเทศจะสามารถยื่นตรงกับสถานทูตได้เลย

4.ยื่นเอกสารตามวันที่จองคิว และพิมพ์ลายนิ้วมือ

5.รับหนังสือเดินทางคืน บางที่มีบริการส่งคืนให้ถึงบ้านอีกด้วย

เตรียมเอกสารยื่นวีซ่าด้วยตนเอง

1.หนังสือเดินทางที่มีอายุอย่างน้อย 6 เดือนหลังจากวันที่คุณยื่นคำขอ และต้องมีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า

2.แบบฟอร์มใบสมัครวีซ่า กรอกแบบฟอร์มให้ถูกต้องและลงนามในแบบฟอร์มใบสมัครวีซ่าเชงเก้น

3.รูปถ่ายหน้าตรง เห็นใบหูทั้ง 2 ข้างอย่างชัดเจน แต่งกายสุภาพ ขนาด 35x45 มม. โดยใบหน้ามีความสูง 32-36 มม. จำนวน 2 รูป ที่ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน

4.ประกันการเดินทาง ข้อนี้สำคัญมาก โดยต้องเลือกให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทางการแพทย์และการส่งตัวกลับประเทศอย่างน้อย 30,000 ยูโร หรือประมาณ 1,500,000 บาท และต้องเป็นบริษัทที่ได้รับการยอมรับจากสถานทูตอย่างประกันเดินทางจากคุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย ทุกแผนใช้ยื่นวีซ่าเชงเก้นได้ ราคาเริ่มต้นเพียง 250 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนวันเดินทาง

5.เอกสารรับรองจากที่ทำงานข้อนี้มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ถือว่าได้เปรียบ ยิ่งถ้าใครทำงานในบริษัทมานาน เป็นบริษัทใหญ่มีความน่าเชื่อถือก็ไม่ต้องกังวล เอกสารฉบับนี้ต้องเป็นเอกสารทางการ ระบุชื่อ-นามสกุล ตำแหน่งงาน เงินเดือน วันที่ลางาน วันที่จะกลับมาทำงาน พร้อมทั้งประทับตราของบริษัท และมีลายเซ็นของผู้มีอำนาจลงนาม ในเอกสารจะต้องระบุชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรของบริษัท โดยเอกสารต้องออกไม่เกิน 30 วัน ขอนี้ได้เอกสารมาแล้วอย่าลืมเช็ครายละเอียดให้ครบถ้วนก่อนยื่นวีซ่า

6.แผนการท่องเที่ยวแบบละเอียด ระบุวันที่ สถานที่ที่ต้องการไป โรงแรมหรือที่พักในแต่ละเมือง

7.เอกสารการจองโรงแรมที่สอดคล้องกับแผนการท่องเที่ยว โดยระบุชื่อผู้จองตรงกับชื่อของผู้สมัครเป็นภาษาอังกฤษ ข้อนี้ไม่ยากเลย มี Travel Agency หลายเจ้าที่สามารถจองแบบจ่ายเงินภายหลัง และยกเลิกได้ฟรี

8.หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ สำหรับข้อนี้ไม่ต้องเป็นกังวลไป เรายังไม่ต้องจ่ายเงินจอง แต่ในเอกสารขอให้มีรายละเอียดชัดเจน ประกอบด้วยชื่อผู้เดินทางที่ตรงกับชื่อผู้สมัคร รายละเอียดของไฟล์ทบิน โดยระบุวันที่ เวลา รหัสเที่ยวบิน สนามบินที่ขึ้น-ลง และต่อเครื่องอย่างครบถ้วนก็สามารถใช้ได้แล้ว

วิธีจองตั๋วเครื่องบินแบบยังไม่ต้องจ่ายเงิน

1.เลือกสายการบินที่มีเที่ยวบินที่สอดคล้องกับรายละเอียดการเดินทาง

2.กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน ชื่อ นามสกุล และอีเมล

3.เว็บสายการบินส่วนใหญ่ ในหน้าสุดท้ายก่อนจ่ายเงินจะมีสรุปรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง หากในหน้านั้นๆ มีครบตามรายละเอียดด้านบน ก็สามารถกดพิมพ์ที่หน้านั้นได้เลย

4.หรือบางสายการบินสามารถ Hold Booking ได้ฟรีในระยะเวลาหนึ่ง จะได้ตั๋วแบบสมบูรณ์พร้อมเลขที่การจองทางอีเมล ก็สามารถใช้เป็นเอกสารขอวีซ่าได้เลย แต่ต้องอย่าลืมว่าตั๋วที่ได้จะสามารถใช้ขึ้นเครื่องได้เมื่อคุณทำการจ่ายเงินเท่านั้นนะ

9.จดหมายแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนนี้บางประเทศอาจจะเขียนว่า Motivation Letter วิธีเขียน ใช้แบบฟอร์มที่เป็นทางการ เริ่มต้นด้วย “To whom it may concern” แนะนำตัวเองพร้อมสถานที่ทำงาน ตำแหน่ง เงินเดือน เขียนเกี่ยวกับสถานที่ในประเทศให้สอดคล้องกับแผนการเดินทางคร่าวๆ ว่าทำไมอยากไป เดินทางไป-กลับวันไหนและยืนยันว่าจะกลับมาอย่างแน่นอนแน่นอน พร้อมลงท้ายด้วย “sincerely yours” ตามด้วยลายเซ็น

10.เอกสารทางการเงิน มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ก็ใช้เป็นบัญชีเงินเดือนได้เลย จะได้มีเงินเดือนแสดงอยู่ในเอกสาร โดยบัญชีจะต้องเป็นบัญชีออมทรัพย์มีการเคลื่อนไหวไม่เกิน 7 วัน ก่อนยื่นเอกสาร และที่สำคัญจะต้องมีเงินอยู่ในบัญชีเพียงพอต่อทริปของเรา แนะนำให้มีตั้งแต่หนึ่งแสนบาทขึ้นไป หรือลองใช้ AI คำนวนค่าใช้จ่ายในทริปคร่าวๆ ทีนี้ก็จะพอประมาณได้แล้วว่าเราควรมีเงินในบัญชีเท่าไร โดยเงินจำนวนนี้ควรหมุนเวียนอยู่ในบัญชีตลอด 3 เดือน ไม่ใช้เป็นเงินก้อนที่นำเข้ามาก่อนไม่กี่วันก่อนขอ statement สำหรับเอกสารทางการเงินนี้ ต้องออกจากธนาคารและมีตราประทับเท่านั้น ดังนั้นก็ไปขอจากธนาคารได้เลย แจ้งว่ามาขอ statement ย้อนหลัง 3 เดือนเพื่อยื่นวีซ่า เมื่อได้รับเอกสารมาแล้วอย่าลืมตรวจสอบ ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ที่ระบุเป็นภาษาอังกฤษให้ถูกต้องตรงตามหนังสือเดินทาง

กรณีมีครอบครัวสนับสนุนทางการเงินสำหรับการเดินทาง

สำหรับผู้ที่มีบุคคลใกล้ชิดในครอบครัว ได้แก่ บิดา มารดา คู่สมรส พี่น้อง บุตรชายและบุตรสาว สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จะต้องมีเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้

1.จดหมายรับรองจากผู้สนับสนุนเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมลายเซ็น

2.หลักฐานความสัมพันธ์ในครอบครัว ได้แก่ ต้นฉบับและสำเนาใบสูติบัตร หรือทะเบียนบ้าน หรือใบทะเบียนสมรส พร้อมคำแปลเป็นภาษาอังกฤษ

3. Statement ของผู้สนับสนุนย้อนหลังอย่างน้อย 3 เดือน มีจำนวนเงินที่เพียงพอต่อการเดินทาง และมีการอัพเดตไม่เกิน 7 วันก่อนยื่นเอกสาร ที่มีการตราประทับจากธนาคาร

11.สำเนาหน้าประวัติหนังสือเดินทาง 2 แผ่น และหากเคยได้รับวีซ่าเชงเก้น วีซ่าประเทศอังกฤษ วีซ่าประเทศสหรัฐอเมริกา หรือวีซ่าประเทศแคนนาดา ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ให้แนบสำเนาอย่างละ 1 แผ่น

สรุป

ถึงแม้ว่าการยื่นวีซ่าเชงเก้นจะมีเอกสารมากมายแต่ก็ล้วนเป็นเอกสารเกี่ยวกับตัวเราทั้งนั้น หากคุณมีเวลาสักนิดในการเตรียมตัว และตรวจสอบเอกสารก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย เรื่องสำคัญคือเอกสารต้องชัดเจน ถูกต้อง และครบถ้วน และที่ขาดไปไม่ได้เลย ก็คือประกันเดินทางที่สามารถใช้ยื่นขอวีซ่าเชงเก้นได้อย่างประกันเดินทางของคุ้มภัยโตเกียวมารีนที่ใช้ขอวีซ่าเชงเก้นได้ทุกแผน นอกจากใช้ขอวีซ่าได้แล้ว ยังช่วยคุ้มครองตลอดการเดินทางอีกด้วย เพราะฉะนั้นเลือกแผนประกัน Travel Sabai ตามความต้องการของคุณที่นี่