ขอวีซ่าเชงเก้นด้วยตัวเอง
ฉบับมนุษย์เงินเดือน

วีซ่าเชงเก้น คือ วีซ่าที่ใช้ในการเดินทางเข้า - ออกประเทศที่อยู่ในเขตเชงเก้น จำนวน 29 ประเทศ โดยต้องยื่นขอวีซ่าจากประเทศที่เป็นจุดหมายหลักประเทศเดียว 

วีซ่าเชงเก้นมีหลายประเภท แต่บทความนี้เราจะพูดถึงวีซ่าสุดฮิตของมนุษย์เงินเดือนคือ วีซ่าท่องเที่ยว (Schengen Tourist Visa) หรือวีซ่าเชงเก้นประเภท C นั่นเอง โดยวีซ่าประเภทนี้จะเป็นการอนุญาติเข้าประเทศในเขตเชงเก้น โดยให้พำนักระยะสั้นสูงสุดไม่เกิน 90 วัน ภายในระยะเวลาไม่เกิน 180 วันก่อนการเดินทาง โดยแบ่งตามการเข้าได้ 3 แบบ Single Entry (เข้าเขตเชงเก้นได้ครั้งเดียว) Double Entry (เข้าเขตเชงเก้นได้ 2 ครั้ง) หรือ Multiple Entry (เข้าเขตเชงเก้นได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งตามอายุของวีซ่า) 

หากเดินทางหลายประเทศ ต้องขอวีซ่าเชงเก้นที่ประเทศใด

หากแผนการเดินทางของคุณต้องการไปหลายประเทศในกลุ่มเชงเก้น ให้ขอวีซ่าประเทศที่คุณไปพักอยู่นานที่สุด กรณีคุณพักอยู่แต่ละประเทศจำนวนวันเท่าๆ กัน ให้ขอวีซ่าที่ประเทศแรกที่คุณเข้าเขตเชงเก้น

ขั้นตอนการขอวีซ่าเชงเก้น

1.เลือกประเทศที่จะยื่นวีซ่า

2.ดาวน์โหลดแบบฟอร์มของประเทศนั้นๆ หรือกรอกแบบฟอร์มผ่านออนไลน์

3.จองคิวยื่นเอกสาร จุดนี้ต้องเช็คให้ดี เนื่องจากแต่ละประเทศมีสถานที่ยื่นขอวีซ่าต่างกัน โดยบางประเทศจะต้องยื่นผ่านศูนย์ยื่นวีซ่าอย่าง VFS, BLS และ TLS ส่วนบางประเทศจะสามารถยื่นตรงกับสถานทูตได้เลย

4.ยื่นเอกสารตามวันที่จองคิว และพิมพ์ลายนิ้วมือ

5.รับหนังสือเดินทางคืน บางที่มีบริการส่งคืนให้ถึงบ้านอีกด้วย

เตรียมเอกสารยื่นวีซ่าด้วยตนเอง

1.หนังสือเดินทางที่มีอายุอย่างน้อย 6 เดือนหลังจากวันที่คุณยื่นคำขอ และต้องมีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า

2.แบบฟอร์มใบสมัครวีซ่า กรอกแบบฟอร์มให้ถูกต้องและลงนามในแบบฟอร์มใบสมัครวีซ่าเชงเก้น

3.รูปถ่ายหน้าตรง เห็นใบหูทั้ง 2 ข้างอย่างชัดเจน แต่งกายสุภาพ ขนาด 35x45 มม. โดยใบหน้ามีความสูง 32-36 มม. จำนวน 2 รูป ที่ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน

5.เอกสารรับรองจากที่ทำงานข้อนี้มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ถือว่าได้เปรียบ ยิ่งถ้าใครทำงานในบริษัทมานาน เป็นบริษัทใหญ่มีความน่าเชื่อถือก็ไม่ต้องกังวล เอกสารฉบับนี้ต้องเป็นเอกสารทางการ ระบุชื่อ-นามสกุล ตำแหน่งงาน เงินเดือน วันที่ลางาน วันที่จะกลับมาทำงาน พร้อมทั้งประทับตราของบริษัท และมีลายเซ็นของผู้มีอำนาจลงนาม ในเอกสารจะต้องระบุชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรของบริษัท โดยเอกสารต้องออกไม่เกิน 30 วัน ขอนี้ได้เอกสารมาแล้วอย่าลืมเช็ครายละเอียดให้ครบถ้วนก่อนยื่นวีซ่า

6.แผนการท่องเที่ยวแบบละเอียด ระบุวันที่ สถานที่ที่ต้องการไป โรงแรมหรือที่พักในแต่ละเมือง

7.เอกสารการจองโรงแรมที่สอดคล้องกับแผนการท่องเที่ยว โดยระบุชื่อผู้จองตรงกับชื่อของผู้สมัครเป็นภาษาอังกฤษ ข้อนี้ไม่ยากเลย มี Travel Agency หลายเจ้าที่สามารถจองแบบจ่ายเงินภายหลัง และยกเลิกได้ฟรี

8.หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ สำหรับข้อนี้ไม่ต้องเป็นกังวลไป เรายังไม่ต้องจ่ายเงินจอง แต่ในเอกสารขอให้มีรายละเอียดชัดเจน ประกอบด้วยชื่อผู้เดินทางที่ตรงกับชื่อผู้สมัคร รายละเอียดของไฟล์ทบิน โดยระบุวันที่ เวลา รหัสเที่ยวบิน สนามบินที่ขึ้น-ลง และต่อเครื่องอย่างครบถ้วนก็สามารถใช้ได้แล้ว

9.จดหมายแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนนี้บางประเทศอาจจะเขียนว่า Motivation Letter วิธีเขียน ใช้แบบฟอร์มที่เป็นทางการ เริ่มต้นด้วย “To whom it may concern” แนะนำตัวเองพร้อมสถานที่ทำงาน ตำแหน่ง เงินเดือน เขียนเกี่ยวกับสถานที่ในประเทศให้สอดคล้องกับแผนการเดินทางคร่าวๆ ว่าทำไมอยากไป เดินทางไป-กลับวันไหนและยืนยันว่าจะกลับมาอย่างแน่นอนแน่นอน พร้อมลงท้ายด้วย “sincerely yours” ตามด้วยลายเซ็น

10.เอกสารทางการเงิน  มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ก็ใช้เป็นบัญชีเงินเดือนได้เลย จะได้มีเงินเดือนแสดงอยู่ในเอกสาร โดยบัญชีจะต้องเป็นบัญชีออมทรัพย์มีการเคลื่อนไหวไม่เกิน 7 วัน ก่อนยื่นเอกสาร และที่สำคัญจะต้องมีเงินอยู่ในบัญชีเพียงพอต่อทริปของเรา แนะนำให้มีตั้งแต่หนึ่งแสนบาทขึ้นไป หรือลองใช้ AI คำนวนค่าใช้จ่ายในทริปคร่าวๆ ทีนี้ก็จะพอประมาณได้แล้วว่าเราควรมีเงินในบัญชีเท่าไร โดยเงินจำนวนนี้ควรหมุนเวียนอยู่ในบัญชีตลอด 3 เดือน ไม่ใช้เป็นเงินก้อนที่นำเข้ามาก่อนไม่กี่วันก่อนขอ statement สำหรับเอกสารทางการเงินนี้ ต้องออกจากธนาคารและมีตราประทับเท่านั้น ดังนั้นก็ไปขอจากธนาคารได้เลย แจ้งว่ามาขอ statement ย้อนหลัง 3 เดือนเพื่อยื่นวีซ่า เมื่อได้รับเอกสารมาแล้วอย่าลืมตรวจสอบ ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ที่ระบุเป็นภาษาอังกฤษให้ถูกต้องตรงตามหนังสือเดินทาง

11.สำเนาหน้าประวัติหนังสือเดินทาง 2 แผ่น และหากเคยได้รับวีซ่าเชงเก้น วีซ่าประเทศอังกฤษ วีซ่าประเทศสหรัฐอเมริกา หรือวีซ่าประเทศแคนนาดา ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ให้แนบสำเนาอย่างละ 1 แผ่น