ประกันรถยนต์ชั้น 1, 2+, และ 3+
ต่างกันอย่างไร

เลือกประกันรถเองต้องรู้ เนื่องจากผู้ขับขี่แต่ละคนก็มีสไตล์การขับขี่ ลักษณะการใช้รถที่ต่างกัน ประกันรถยนต์จึงมีหลายประเภทและมีความคุ้มครองที่แตกต่างกันไป ในบทความนี้ คุ้มภัยโตเกียวมารีนจะพาไปรู้จักความแตกต่างระหว่างประกันรถยนต์ชั้น 1 ประกันรถยนต์ประเภท 2+ และประกันรถยนต์ประเภท 3+ เพื่อช่วยให้คุณสามารถเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับความต้องการ และงบประมาณของคุณได้ แต่ก่อนที่จะไปเปรียบเทียบความแตกต่างของประกันรถยนต์แต่ละประเภท เรามาดูรายละเอียดความคุ้มครองของประกันชั้น 1 กันก่อน

ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง

แน่นอนว่าประกันรถยนต์อันดับต้น ๆ ที่หลายคนนึกถึงจะต้องเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการคุ้มครองต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของคุณเอง การคุ้มครองความเสียหายต่อบุคคลที่สาม การคุ้มครองการโจรกรรม และไฟไหม้ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ยังครอบคลุมถึงค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารในกรณีเกิดอุบัติเหตุ

ประกันรถยนต์ชั้น 1 เหมาะกับใคร

เหมาะสำหรับรถใหม่ป้ายแดง หรือรถที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี การใช้ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า เนื่องจากมูลค่ารถยนต์ที่สูง และรถใหม่มักมีการเคลมเพื่อความสวยงาม รอยขีดข่วน เล็กๆ น้อยๆ ก็รับรองได้ว่าประกันชั้น 1 ครอบคลุม ถึงจะเคลมแบบไม่มีคู่กรณีได้ แต่บางกรณีก็ต้องเสียค่า Excess นะ ถ้ายังไม่รู้ว่าค่า Excess คืออะไร อ่านเลย 

เนื่องจากประกันรถยนต์ชั้น 1 มีความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด ค่าเบี้ยประกันจึงสูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับประกันรถยนต์ประเภทอื่น ๆ

ความแตกต่างระหว่างประกันรถยนต์ชั้น 1 กับ 2+

ประกันรถยนต์ประเภท 2+ มีความคุ้มครองที่คล้ายกับประกันชั้น 1 แต่มีข้อแตกต่างในเรื่องของการคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้เอาประกัน ประกันประเภท 2+ จะคุ้มครองเฉพาะความเสียหายจากการชนกับยานพาหนะอื่น ๆ หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือต้องเป็นเหตุการณ์ที่รถชนรถเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับยานพาหนะอื่น ๆ เช่น ชนกับเสาไฟฟ้า หรือชนกับต้นไม้ ประกันรถยนต์ประเภทนี้จะไม่ครอบคลุมนั่นเอง นอกจากนี้ยังครอบคลุมกรณีรถหาย และไฟไหม้อีกด้วย

ประกันรถยนต์ประเภท 2+ เหมาะกับใคร

เหมาะสำหรับผู้ที่ค่อนข้างมีความระมัดระวังในการขับรถ ต้องการเบี้ยประกันที่คุ้มค่า สำหรับงบประมาณที่จำกัด ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ประเภท 2+ จะราคาถูกกว่าประกันชั้น 1 ค่อนข้างเยอะ เนื่องจากมีความคุ้มครองที่น้อยกว่า แต่ยังคงคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี ถือว่าประกันรถยนต์ 2+ ก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ เลย

ความแตกต่างของประกันรถยนต์ประเภท 2+ กับ 3+

ประกันรถยนต์ประเภท 3+ เป็นประกันที่มีความคุ้มครองพื้นฐานที่สุด แต่ยังคงคุ้มครองความเสียหายจากการชนกับยานพาหนะอื่น ๆ และความเสียหายต่อบุคคลที่สาม สิ่งที่แตกต่างกับประกันรถยนต์ประเภท 2+ แบบเห็นได้ชัดเลยก็คือ ไม่คุ้มครองกรณีรถหาย และไฟไหม้นั่นเอง

ประกันรถยนต์ประเภท 3+ เหมาะกับใคร

หากคุณเป็นคนที่ใช้รถเก่าหรือรถมือสอง ขับน้อย หรือขับแค่ระยะทางสั้นๆ ประกันรถยนต์ประเภท 3+ ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมและคุ้มค่า เพราะประกันรถยนต์ประเภท 3+ ค่าเบี้ยจะถูกที่สุด เมื่อเทียบกับประกันภัยรถยนต์ประเภทอื่นๆ