ภาษีโบนัสคิดอย่างไร เงินที่เหลือเอาไว้ทำอะไรดี ?

โบนัสหักภาษีกี่เปอร์เซ็นต์  ?

หลายคนอาจจะเคยสงสัยว่า โบนัสหักภาษีกี่เปอร์เซ็นต์กันแน่ และคิดอย่างไร เพราะแต่ละปีก็หักภาษีไม่เท่ากัน 

ที่จริงแล้วเงินโบนัสนับว่าเป็นเงินได้อย่างหนึ่ง ซึ่งจะต้องนำไปรวมกับเงินได้อื่น ๆ แล้วนำไปคำนวณภาษีทั้งปี ซึ่งจะเสียภาษีโบนัสเท่าไรนั้น ขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนทั้งปี ทำให้บางคนที่ฐานเงินเดือนยังไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษีจึงไม่ถูกหักภาษีจากโบนัสเช่นกัน แต่สำหรับคนที่ฐานเงินเดือนสูง ก็อาจจะถูกหักภาษีเยอะตามไปด้วย  

ตัวอย่างเช่น

หากว่านายเอ มีเงินเดือน 20,000 บาท เท่ากับ 1 ปี ได้รับเงินเดือน 240,000 บาท ได้โบนัส 2 เดือน เท่ากับ 40,000 บาท แล้วไม่มีรายได้ทางอื่นเพิ่มเติม แปลว่าในปีภาษีนั้น มีเงินได้ทั้งหมด 280,000 บาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายส่วนตัว 60,000 บาท และรายการลดหย่อนอื่น ๆ อย่างประกันสังคม ประกันชีวิต ดอกเบี้ยบ้าน รวมแล้ว 100,000 บาท ลดหย่อนได้ทั้งหมด 160,000 บาท เท่ากับว่าจะมีรายได้สุทธิที่ 120,000 บาท ดังนั้น ในปีดังกล่าว ไม่จำเป็นต้องเสียภาษีเงินได้ ไม่ว่าจะจากเงินเดือนหรือโบนัสก็ตาม*

เงินได้ กับ เงินได้สุทธิ ต่างกันอย่างไร ?

• เงินได้ หมายถึง รายได้ที่บุคคลธรรมดาได้รับจากแหล่งต่าง ๆ เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง เงินรางวัล เงินปันผล ดอกเบี้ย ค่าเช่า ฯลฯ โดยยังไม่หักค่าใช้จ่ายหรือค่าลดหย่อนใด ๆ
  
• เงินได้สุทธิ หมายถึง เงินได้ที่คำนวณหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนที่กฎหมายกำหนดแล้ว
   

ตัวอย่างที่ 1

• เงินได้รวม 280,000 บาท 
• ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
• ลดหย่อนภาษีหมวดต่าง ๆ 100,000 บาท
• เท่ากับ มีเงินได้สุทธิ 120,000 บาท

สรุป เงินได้สุทธิ 120,000 บาท ไม่อยู่ในเกณฑ์ต้องเสียภาษีเงินได้สุทธิ เพราะไม่ถึง 150,000 บาทนั่นเอง

ตัวอย่างที่ 2

ในกรณีที่ไม่มีค่าลดหย่อนภาษีในหมวดต่าง ๆ 100,000 บาท เช่น ประกันสังคม ประกันชีวิต และดอกเบี้ยบ้าน ฯลฯ  

• เงินได้รวม 280,000 บาท
  
• ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
• เท่ากับ มีเงินได้สุทธิ 220,000 บาท

สรุป เงินได้สุทธิ 220,000 บาท อยู่ในเกณฑ์ต้องเสียภาษีเงินได้สุทธิ เพราะมีรายได้ระหว่าง 150,000 - 300,000 บาท ต้องเสียภาษีในอัตรา 15% เท่ากับประมาณ 33,000 บาทนั้นเอง

*บริษัทอาจจะหักภาษีในเบื้องต้น ผู้มีเงินได้สามารถขอคืนภาษีได้หลังจากจบปีภาษีนั้น ๆ แล้ว

เงินโบนัสเอาไปทำอะไรดี ?

  เมื่อได้เงินโบนัสก้อนใหญ่มา ส่วนใหญ่มักจะใช้จ่ายไปกับความสุขให้สมกับที่ทำงานหนักมาทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของที่อยากได้และมีราคาแพง การท่องเที่ยวต่างประเทศ หรือบางคนอาจจะเก็บเงินส่วนนี้เอาไว้ในธนาคารเฉย ๆ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรให้งอกเงยขึ้นมา 

จะดีกว่าไหม หากว่าเงินโบนัสที่ได้มา สามารถทำประโยชน์ได้มากกว่าการให้ความสุข แต่ให้ความมั่นคง ด้วยการให้ผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่า แต่จะเอาเงินโบนัสไปทำอะไรดี มาดูไอเดียดี ๆ กันเลย

ซื้อประกันลดหย่อนภาษี

ใครที่ฐานเงินเดือนสูง มีรายได้จากหลากหลายทาง และยังไม่ได้ทำประกันลดหย่อนภาษี ขอแนะนำให้ซื้อประกันลดหย่อนภาษี ที่มาหลากหลายรูปแบบให้เลือกตามความต้องการ ดังนี้

• ประกันชีวิตทั่วไป และประกันชีวิตสะสมทรัพย์ ที่มีความคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป ของตนเอง ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท (ทุกกรมธรรม์รวมกัน) 

• ประกันสุขภาพ ลดหย่อนได้สูงสุด 25,000 บาท 

  นอกจากนี้ ในกรณีที่คู่สมรสไม่มีรายได้ หรือทำประกันให้พ่อแม่ก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร โดยสามารถศึกษาเกี่ยวกับประกันลดหย่อนภาษีและรายการลดหย่อนภาษีอื่น ๆ เพิ่มเติมได้   

ลงทุนต่อยอด

แบ่งเงินบางส่วนมาใช้ในการลงทุนต่อยอด ซึ่งในปัจจุบันทุกคนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้หลากหลายประเภท ตามความพร้อมและความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อกองทุน พันธบัตร ตราสารหุ้น หรือแม้แต่การนำเงินไปเทรดหุ้น ก็สามารถช่วยให้เงินทองงอกเงยขึ้นมา

นอกจากนี้ หากว่าต้องการสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี สามารถซื้อกองทุน RMF และ SSF เพิ่ม ได้ทั้งผลตอบแทนและลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปี 

ใช้หนี้

นอกจากการลงทุนให้เงินเพิ่มขึ้นแล้ว วิธีหนึ่งในการสร้างความมั่งคั่งคือ การลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ซึ่ง “ดอกเบี้ยเงินกู้” ก็เป็นหนึ่งในสิ่งนั้น โดยเฉพาะสินเชื่อที่ดอกเบี้ยสูง หรือวงเงินกู้สูง ๆ ดังนั้น หากว่าได้เงินก้อนมา ให้แบ่งบางส่วนไปโปะหนี้ หรือใช้หนี้ให้หมดจะดีกว่า 

สำหรับผู้ที่มีทั้งสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ สินเชื่อบัตรเครดิต เลยไม่รู้ว่าจะนำไปโปะก้อนไหนก่อนดี แนะนำให้โปะก้อนที่เป็นดอกเบี้ยลดต้นลดดอกที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงก่อน โดยแนะนำให้ปิดยอดบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลอื่น ๆ ก่อน จากนั้นก็เป็นสินเชื่อกู้ซื้อบ้านในสัญญาที่ดอกเบี้ยสูง ๆ จะช่วยลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มเงินเก็บได้ 

ลงเรียนคอร์สพัฒนาความรู้ต่าง ๆ 

ไม่เพียงแค่การลงทุนในตลาดเงินจะช่วยสร้างสินทรัพย์ได้ในอนาคตเท่านั้น แต่การลงทุนกับตัวเราเองก็ช่วยสร้างสินทรัพย์ให้แก่ตนเองในอนาคตเช่นเดียวกัน เพราะสามารถนำความรู้ความสามารถต่าง ๆ ไปใช้ในการสร้างรายได้ได้อย่างเหลือเชื่อ 

ดังนั้น ลองมองหาคอร์สพัฒนาความรู้ที่สนใจ และส่งเสริมในเรื่องหน้าที่การงาน หรือเส้นทางอาชีพที่ต้องการมุ่งไป ก็จะช่วยให้อนาคตสดใสขึ้นอย่างแน่นอน 

ให้รางวัลตัวเอง

สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ ความสุขในการใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ ได้จับจ่ายเงินซื้อของที่อยากได้ ทำในสิ่งที่อยากทำ เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงาน 

อย่างไรก็ตาม ความต้องการและความสุขของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ดังนั้นการใช้เงินเพื่อให้รางวัลตัวเองก็อาจจะต่างกันออกไปด้วย บางคนอาจนำเงินไปเที่ยว รับประทานอาหารมื้อพิเศษ หรือท่องเที่ยวในสถานที่ที่อยากไป หรือบางคนอาจจะซื้อเกม เครื่องเสียง กระเป๋า หรือของอื่น ๆ ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเรา แต่ที่สำคัญคือต้องไม่เบียดเบียนเงินในอนาคตและแผนการเงินของเราด้วย 

สำหรับใครที่เพิ่งได้เงินโบนัสมา ต้องการซื้อประกันลดหย่อนภาษี ขอแนะนำ โตเกียว แทกซ์ เซฟเวอร์ 15/10 จากโตเกียวมารีนประกันชีวิต ได้ทั้งความคุ้มครองชีวิต ได้ทั้งออมเงิน และลดสิทธิในการลดหย่อนภาษีแบบจัดเต็ม สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้เลย ที่ศูนย์บริการลูกค้ารายบุคคล โทรศัพท์ 02-650-1400 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-20.00 น. 

ข้อมูลอ้างอิง

1. โบนัสโบใจออกแล้ว เอามาลงทุนอะไรดี?. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 จาก https://www.finnomena.com/planet46/bonus/  

2. เงินโบนัส ต้องเสียภาษีมั้ย เอาไปต่อยอดอะไรดี?. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 จาก https://www.moneybuffalo.in.th/financial-planning/do-bonuses-have-to-be-taxed